บทความที่ได้รับความนิยม

วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2554

Digital Shadow ข้อมูล มหาศาลที่ไม่เคยรู้ว่ามี

ทำความรู้จัก “Digital Shadow” ข้อมูล มหาศาลที่ไม่เคยรู้ว่ามี
จากผลการวิจัยของไอดีซี เรื่อง โลกดิจิตอลที่หลากหลายและขยายตัวอย่างรวดเร็ว: ข้อมูลคาดการณ์เกี่ยวกับปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกจนถึงปี 2554 เน้นย้ำถึงข้อมูลอัพเดทล่าสุด สำหรับงานวิจัยเกี่ยวกับข้อมูลดิจิตอล ที่เคยตีพิมพ์เผยแพร่ไปเมื่อ มี.ค.2550 รายงานของไอดีซีระบุข้อมูลคาดการณ์การเติบโตและข้อมูลใหม่ๆ ที่ได้จากการศึกษา โดยคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจและสังคม โดยข้อมูลใหม่และข้อมูลวิเคราะห์ชี้ถึงเรื่องเด่นๆ ที่ต้องจับตามมอง ได้แก่

1.ที่ระดับปริมาณข้อมูล 281,000 กิกะไบต์ (281 เอ็กซาไบต์) โลกดิจิตอลในปี 2550 มีขนาดใหญ่กว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้10% 2.ด้วยอัตราการเติบโตต่อปีโดยเฉลี่ยที่เกือบ 60% ข้อมูลดิจิตอลจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจนถึงระดับเกือบ 1.8 เซตตาไบต์ (1,800 เอ็กซาไบต์) ภายในปี 2554 โดยจะเพิ่มขึ้น 10 เท่าในช่วงเวลา 5 ปี และ3.ปัจจุบัน “ข้อมูลดิจิตอลเงา(Digital Shadow) ซึ่งหมายถึงข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับผู้ใช้ทั่วไปที่สร้างขึ้นในแต่ละวัน มีปริมาณมากกว่าข้อมูลดิจิตอลที่ผู้ใช้สร้างขึ้นด้วยตนเอง

สาเหตุ ที่ปริมาณข้อมูลดิจิตอลในโลก ขณะนี้ เพิ่มสูงขึ้นมากกว่าที่ได้เคยคาดการณ์เอาไว้ มาจากข้อมูลดิจิตอลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วได้แก่ ข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวกับโทรทัศน์ดิจิตอล กล้องวิดีโอวงจรปิด การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในประเทศที่กำลังเติบโต แอพลิเคชันที่ใช้เซนเซอร์ ดาต้าเซ็นเตอร์ที่รองรับการประมวลผลโดยใช้ทรัพยากรจากเครือข่ายสาธารณะหรือ "Cloud Computing" และเครือข่ายทางสังคม หรือ Social Networking
               
ความหลากหลายของโลกดิจิตอลปรากฏให้เห็นทั้งในเรื่องของขนาดไฟล์ที่แตกต่างหลากหลาย ตั้งแต่ภาพยนตร์ 6 กิกะไบต์บนแผ่นดีวีดี ไปจนถึงสัญญาณ 128 บิตจากแท็ก RFID  เนื่องจากการขยายตัวของ VoIP เซนเซอร์ และ RFID ดังนั้นจำนวน คอนเทนเนอร์หรือที่เก็บข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ไฟล์ รูปภาพ แพ็คเก็ต ข้อมูลแท็ก จึงเพิ่มขึ้นในอัตราที่รวดเร็วกว่าปริมาณข้อมูลถึง 50%  ทั้งนี้ข้อมูลที่ถูกสร้างในปี 2554 จะถูกเก็บไว้ใน 20,000 ล้านล้านคอนเทนเนอร์ ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาท้าทายที่ยิ่งใหญ่ในการจัดการข้อมูล ทั้งในส่วนขององค์กรธุรกิจและผู้บริโภค

นายจอห์น แกนท์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิจัยและรองประธานอาวุโสของไอดีซี กล่าวถึงผลการสำรวจ จากผลการศึกษาล่าสุดว่า ไอดีซีพบว่าเพียงครึ่งหนึ่งของข้อมูลดิจิตอลที่สร้างขึ้น เกี่ยวข้องกับการกระทำของบุคคล เช่น การถ่ายภาพ การส่งอีเมล์ หรือโทรศัพท์ติดต่อผ่านระบบดิจิตอล ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นข้อมูลเบื้องหลังหรือข้อมูลเงา ‘Digital Shadow’ นั่น คือ ข้อมูลที่เกี่ยวกับตัวผู้ใช้เอง เช่น ชื่อในบันทึกข้อมูลด้านการเงิน ชื่อในรายชื่อผู้รับอีเมล์ ประวัติการท่องเว็บ หรือภาพของคุณที่ถ่ายโดยกล้องรักษาความปลอดภัยในสนามบินหรือศูนย์การค้า

ประธาน เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิจัยฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลการวิจัยดังกล่าว นับเป็นครั้งแรกที่ข้อมูลเบื้องหลัง มีปริมาณมากกว่าข้อมูลดิจิตอลที่คุณสร้างขึ้นเอง โดยฝ่ายไอทีขององค์กรที่เก็บรวบรวมข้อมูล ที่ประกอบด้วยข้อมูลเบื้องหลัง จึงมีภาระรับผิดชอบที่สูงมากภายใต้กฎหมายที่มีผลบังคับใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการคุ้มครองความปลอดภัย การรักษาความเป็นส่วนตัว ความน่าเชื่อถือ และความสอดคล้องตามกฎระเบียบสำหรับข้อมูลดังกล่าว

ด้าน นายโจ ทุซซี่ ประธาน ประธานกรรมการบริหาร และซีอีโอ บริษัท อีเอ็มซี คอร์ปอเรชั่น ให้ความเห็นเกี่ยวกับผลการวิจัยครั้งนี้ว่า ขณะนี้ สังคมรู้สึกได้ถึงผลกระทบของข้อมูลดิจิตอลที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นทั่วโลก องค์กรต่างๆ จำเป็นที่จะต้องวางแผนเพื่อรับมือกับโอกาสที่ไร้ขีดจำกัดในการใช้ข้อมูลใน รูปแบบใหม่ๆ รวมถึงปัญหาท้าทายในการบริหารจัดการข้อมูล ในขณะที่ข้อมูลดิจิตอลของผู้ใช้มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น

ปธ.กก.บห. และซีอีโอ ให้ความเห็นต่อว่า องค์กรต่างๆ ก็มีภาระความรับผิดชอบเพิ่มสูงขึ้นในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนตัว การปกป้องข้อมูล การทำให้ข้อมูลพร้อมใช้งานและน่าเชื่อถือ  โดย ฝ่ายไอทีในองค์กรมีหน้าที่ที่จะต้องรับมือกับความเสี่ยงและกฎระเบียบใน เรื่องที่เกี่ยวกับการใช้ข้อมูลในทางที่ผิด การรั่วไหลของข้อมูล และการป้องกันการละเมิดระบบรักษาความปลอดภัย เนื่องจากข้อมูลมีปริมาณมากและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

นายทุซซี่ ให้ความเห็นเสริมว่า ดังนั้น ทั้งผู้บริโภคและองค์กรธุรกิจจึงได้รับผลกระทบจากโลกดิจิตอลในหลายๆ ด้าน  ทั้ง นี้ไอดีซีรายงานว่า ปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดปัญหาที่ยุ่งยากซับซ้อน สำหรับฝ่ายไอทีที่ต้องบริหารจัดการข้อมูลที่มีปริมาณ และความหลากหลายเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ผู้บริโภคยังต้องรับมือกับข้อมูลดิจิตอลของตนเองที่มีปริมาณเพิ่ม ขึ้น โดยจะต้องมองหาหนทางที่จะจัดการกับข้อมูลทั้งหมดที่สร้างขึ้น

ส่วน นายธาดา เศวตศิลา ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อีเอ็มซี อินฟอร์เมชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด อธิบายถึงข้อมูลเงาว่า ทุกวันนี้ผู้ใช้ทุกคนรู้หรือไม่ว่าพบพาข้อมูลกันมากแค่ไหน จากการสำรวจกลุ่มนักธุรกิจชายอายุ 40-50 ปีสร้างข้อมูลเฉลี่ย 1 กิ กะไบต์ เท่ากับปริมาณข้อมูลของกลุ่มผู้หญิงทำงาน ที่ชื่นชอบแฟชั่น ขณะที่กลุ่มวัยรุ่น นักศึกษาที่เป็นคนรุ่นใหม่ ที่ชื่นชอบอุปกรณ์ หรือ Gadgets ใหม่ๆ เช่น ไอพ็อด ไอโฟน กล้องดิจิตอล และการเล่นเว็บไซต์ที่เป็น Social Networking จะมีข้อมูลเฉลี่ย 750 เมกะไบต์ต่อคน ตรงนี้เป็นข้อมูลที่ตัวผู้ใช้งานสร้างขึ้นเอง

ผจก.ประจำ ประเทศไทย บ.อีเอ็มซีฯ อธิบายต่อว่า แต่รู้หรือไม่ยังมีข้อมูลอีกส่วนที่มีปริมาณมหาศาล อยู่คู่ขนาดกับเราแต่ว่าไม่เคยรู้ว่ามี ถือเป็นข้อมูลเงาที่แอบซ่อนอยู่ ไม่เคยปรากฏตัวให้เห็น ยกตัวอย่างเช่น การใช้งานอีเมล์ นอกจากไฟล์ที่ผู้ใช้งานได้รับในกล่องจดหมายแล้ว เบื้องหลังอีเมล์ฉบับนี้ตัวผู้ให้บริการ หรือองค์กรที่ให้ใช้อีเมล์ จะต้องเก็บสำเนาอีเมล์นี้อีก 2 ชุด เพื่อใช้ในการตรวจสอบ หรือบันทึกตามระเบียบข้อบังคับมาตรฐานสากลอย่าง บาเซิล ทู หรือ ซาร์บาห์น อ็อกซเลย์ ที่ในต่างประเทศมีกฎหมายให้บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต้อง จัดเก็บข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ไว้ 7 ปี เพื่อใช้กรณีที่ต้องมีการตรวจสอบ และความโปร่งใส

จาก การสำรวจของไอดีซีในครั้งนี้ยังพบว่า ในส่วนของปริมาณข้อมูลดิจิตอลที่สร้างโดยบุคคล น้อยกว่าครึ่งหนึ่งเกิดจากกิจกรรมของผู้ใช้ เช่น การถ่ายภาพ การติดต่อทางโทรศัพท์ การส่งอีเมล์ ในขณะที่ส่วนที่เหลือเป็นข้อมูลดิจิตอล เบื้องหลังเช่น ภาพถ่ายจากกล้องวิดีโอวงจรปิด ประวัติการค้นหาข้อมูลทางเว็บ บันทึกรายวันเกี่ยวกับธุรกรรมด้านการเงิน รายชื่อผู้รับอีเมล์ และอื่นๆ

รูปภาพที่เกี่ยวกับแหล่งที่มา และการบริหารข้อมูลดิจิตอลยังคงเหมือนเดิมประมาณ 70% ของข้อมูลดิจิตอลถูกสร้างขึ้นโดยผู้ใช้ทั่วไป แต่องค์กรต่างๆ มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบเกี่ยวกับการคุ้มครองความปลอดภัย การรักษาความเป็นส่วนตัว ความน่าเชื่อถือ และความสอดคล้องตามกฎระเบียบสำหรับข้อมูลดิจิตอลในสัดส่วน 85% ไม่เปลี่ยนแปลงจากผลการศึกษาของปี 2550 โดยข้อมูลบางส่วนที่ถูกสร้างและรับส่งอาจไม่ได้ถูกจัดเก็บ แต่ภายในปี 2554 เกือบครึ่งหนึ่งของข้อมูลดิจิตอลจะไม่ได้ถูกจัดเก็บอย่างถาวร

ดัง นั้นเพื่อรับมือกับการขยายตัวอย่างรวดเร็วของโลกดิจิตอล ที่มีขนาดและความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น ฝ่ายไอทีจำเป็นที่จะต้องเป็นผู้นำ ในการจัดทำนโยบายที่ครอบคลุมทั่วทั้งองค์กร สำหรับการบริหารจัดการข้อมูล ทั้งในส่วนของการคุ้มครองข้อมูล การเก็บรักษาข้อมูล การเข้าถึงข้อมูล และการปฏิบัติตามกฎระเบียบ  นอกจาก นี้ จำเป็นที่จะต้องปรับใช้เครื่องมือและมาตรฐานใหม่ ตั้งแต่เครื่องมือสำหรับการปรับปรุงสตอเรจ การค้นหาข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง (Unstructured Data) และ การวิเคราะห์ฐานข้อมูล ไปจนถึงการรวบรวมทรัพยากร (เวอร์ชวลไลเซชัน) การจัดการและการคุ้มครองข้อมูล โดยทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้โครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศมีลักษณะ ยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้อย่างเหมาะสม และปรับขนาดได้ตามต้องการ

จากรายงาน ดังกล่าวรายงานอีกว่า ในปี 2550 มีข้อมูลดิจิตอล 281,000 ล้านกิกะไบต์บนโลกใบนี้ หรือคิดเป็นประมาณ 45 กิกะไบต์ต่อคน ขณะที่ขยะอิเล็กทรอนิกส์มีการสะสมอย่างต่อเนื่องกว่า 1,000 ล้านชิ้นต่อปี โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์ดิจิตอลส่วนบุคคล และเครื่องพีซี  การ เปลี่ยนไปใช้โทรทัศน์ดิจิตอลจะส่งผลให้มีการทิ้งเครื่องรับโทรทัศน์แบบอนา ล็อก เครื่องรับสัญญาณรุ่นเก่า และดีวีดีในจำนวนที่เพิ่มขึ้น 2 เท่าภายในปี 2554 ส่วนอัตราการใช้ไฟฟ้า อยู่ที่ 1 กิโลวัตต์ต่อเซิร์ฟเวอร์หนึ่งเครื่องในปี 2543 ได้เพิ่มขึ้นจนเกือบถึง 10 กิโลวัตต์ในขณะนี้ โดยองค์กรที่สร้างดาต้าเซ็นเตอร์ใหม่ๆ กำลังวางแผนที่จะรองรับการใช้พลังงานที่อัตรา 20 กิโลวัตต์ต่อแร็ค

รายงาน งานดังกล่าวยังได้คาดการณ์ไว้ว่า ภายในช่วง 5 ปีจากนี้ จะมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตราว 2,000 ล้านคน และผู้ใช้โทรศัพท์มือถือราว 3,000 ล้านคน เฉพาะในปี 2550 จำนวนกล้องดิจิตอลและโทรศัพท์มือถือแบบมีกล้องจะมีจำนวนเกินกว่า 1,000 ล้านเครื่อง และไม่ถึง 10% ของภาพนิ่งทั้งหมดที่ถูกบันทึกเป็นภาพถ่ายบนฟิล์ม
จึง เชื่อว่ายอดขายกล้องดิจิตอล แบบเชื่อมต่อเครือข่ายมีจำนวนเพิ่มขึ้น 2 เท่าในแต่ละปี อีกทั้งจำนวนโทรทัศน์ดิจิตอลเพิ่มขึ้น 2 เท่าเมื่อปีที่แล้ว และจะมีจำนวนสูงกว่า 500 ล้านเครื่องภายในสิ้นปี 2554

ใน ส่วนของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลขนาดความจุเกือบ 1200 เอ็กซาไบต์ จะถูกจำหน่ายในช่วงปี 2550 ถึง 2553 (เพิ่มขึ้น10% เมื่อเทียบกับตัวเลขประมาณการก่อนหน้านี้) โดยยอดขายทั่วโลกสำหรับอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล เช่น ฮาร์ดดิสก์แบบติดตั้งภายนอก อยู่ในระดับที่สูงกว่าตัวเลขประมาณการทั้งหมดในช่วงปี 2550

เมื่อ เห็นรายงานฉบับนี้ และการคาดการณ์ถึงปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นแล้ว คงต้องถามว่าคนรุ่นใหม่ที่ต้องใช้ชีวิตกับอุปกรณ์ดิจิตอล และสังคมออนไลน์เวลานื้ ได้ลองคิดหรือยังว่าจะจัดการกับข้อมูลเก่าที่มีอยู่อย่างไร แล้วจะเอาข้อมูลใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตไปเก็บไว้ที่ไหน ตรงนี้เป็นอีกเรื่องที่ตัวผู้ใช้ และองค์กรต่างๆ ต้องตื่นตัวแล้วว่าจะทำอน่างไรต่อไป

หรือถ้าใครยังคิดไม่ออก ไอทีไดเจส มีอะไรสนุกๆ ให้ทำ หากต้องการคำนวณปริมาณข้อมูลที่คุณสร้างขึ้น ให้ดาวน์โหลด เครื่องคำนวณปริมาณข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Digital Footprint Calculator) ได้ที่เว็บไซต์ www.emc.com/digital_universe มาองคำนวณดูว่า ขณะนี้ เราได้แบกภาระปริมาณข้อมูลดิจิตอลไว้มากแค่ไหน 
ที่มา : หลายที่ แต่เลือกมา http://www.mict.go.th/ewt_news.php?nid=510&filename=inde แต่ link ไปอีกที่

ไม่มีความคิดเห็น: